เชลซี ตัดสินใจปลด เกรแฮม พ็อตเตอร์ ออกจากตำแหน่งกุนซือเป็นที่เรียบร้อย หลังพาทีมทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ ทั้งที่เจ้าของใหม่ลงทุนซื้อแข้งราคาแพงเข้ามาให้เลือกใช้งานหลายราย แต่กลับหล่นไปรั้งอันดับ 11 เวลานี้
เชลซี ทีมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทนหนุนหลังต่อไปไม่ไหว ประกาศปลด เกรแฮม พ็อตเตอร์ พ้นเก้าอี้ผู้จัดการทีมอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา หลังพาทีมทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ ล่าสุดพ่ายในบ้านต่อ แอสตัน วิลล่า 0-2 เมื่อวันเสาร์หล่นลงไปรั้งอันดับ 11 ของตาราง มี 38 คะแนน จาก 28 เกม ห่างจากพื้นที่ท็อปโฟร์ถึง 11 แต้ม โดยเหลืออีก 10 นัด ก็จะจบฤดูกาล 2022-2023
กุนซือวัย 47 ปี ได้รับการเซ็นสัญญาจาก ท็อดด์ โบลีห์ และกลุ่มทุนเจ้าของใหม่ สิงโตน้ำเงินคราม ในเดือนกันยายน ให้เข้ามาแทน โธมัส ทูเคิ่ล ที่โดนปลดออกจากตำแหน่ง ด้วยสัญญายาว 5 ปี แต่อดีตนายใหญ่ ไบรท์ตัน กลับทำผลงานได้ไม่ดีคุมทีมไป 31 เกม เอาชนะคู่แข่งได้ 12 เกมเท่านั้น ก่อนที่จะมีเสียงเรียกร้องจากแฟนบอลให้รีบไล่ออกมาสักระยะแล้ว ซึ่งตอนแรกบอร์ดบริหารยังเชื่อใจเพราะหวังผลระยะยาว แต่สุดท้ายยื้อให้คุมทีมต่อไม่ไหวจริงๆ
แถลงการณ์ของ สิงห์บลูส์ ระบุ ” สโมสร เชลซี ขอประกาศว่า เกรแฮม พ็อตเตอร์ อำลาสโมสรแล้ว เกรแฮม ได้ตกลงที่จะร่วมมือกับสโมสรเพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงที่ราบรื่น ในช่วงเวลาที่เขาอยู่กับสโมสร เกรแฮม พาเราไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเราจะพบกับ เรอัล มาดริด ทาง เชลซี ขอขอบคุณ เกรแฮม สำหรับความพยายามและการมีส่วนร่วมทั้งหมดของเขา และขออวยพรให้เขาโชคดีในอนาคต ”
ขณะที่ โบลีห์ และ เบห์ดัด เอ็คห์บาลี เจ้าของร่วม แถลงการณ์ร่วมกันว่า ในนามของทุกคนที่สโมสร เราอยากขอบคุณ เกรแฮม อย่างจริงใจสำหรับการมีส่วนร่วมของเขากับ เชลซี เรามีความเคารพอย่างสูงสุดต่อ เกรแฮม ในฐานะโค้ชและในฐานะบุคคล เขาปฏิบัติตัวด้วยความเป็นมืออาชีพและความซื่อสัตย์มาโดยตลอด และ เราทุกคนผิดหวังกับผลลัพธ์นี้
ทั้งนี้ บรูโน่ ซัลตอร์ ซึ่งย้ายตาม พ็อตเตอร์ มาจากทีม นกนางนวล จะได้ทำหน้าที่คุมทัพแทนเป็นการชั่วคราวไปก่อน โดยมีโปรแกรมหนักเปิดบ้านรับการมาเยือน ลิเวอร์พูล ในวันอังคารที่ 4 เมษายนนี้ ต่อด้วยบุกเจอ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส วันเสาร์ที่ 8 เมษายนและ ลงเตะนัดแรก รอบ 8 ทีม ยูซีแอล เยือน เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่ลีกสเปน วันพุธที่ 12 เมษายน ข่าวกีฬาแนะนำ>>> ช่วยตอบให้หายสงสัย “อันเชลอตติ” ย้อนจังหวะสุดกังขาในเกมนี้